ทักษะอะไร ที่สาขาวิชา Graphic Design หรือ Visual Communication Design ต้องมีพื้นฐาน

Graphic Designer?

สำหรับงาน Graphic Design ในปัจจุบันก็ขยายขอบเขตภาพนิ่งมาสู่สื่อเคลื่อนไหว หรือสื่อที่สามรถโต้ตอบได้มากขึ้น เราสามารถแบ่งแบบกว้าง ๆ ได้แก่ Artist และ Designer ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

Artist คือ กลุ่มคนที่ชื่นชอบการทำงานในแบบศิลปิน หรืออาจเรียกว่า Graphic Artist หรือ Visual Artist และ นักวาดภาพประกอบ (Illustrator) ซึ่งผลงานจะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยอาจตอบสนองความรู้สึกของตัวเองในเชิงศิลปะ หรือการตอบโจทย์ทางธุรกิจก็ได้ โดยใช้สไตล์ และรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาในการตอบโจทย์ เช่น Illustration หรือ Character Design เป็นต้น

Designer คือ กลุ่มคนที่ชื่นชอบทำงานในรูปแบบของนักออกแบบ มุ่งตอบสนองต่อโจทย์ การใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ทางธุรกิจรวมถึงงานเพื่อสังคมเป็นหลัก รูปแบบ และสไตล์จะเกิดจาก Brief งานลักษณะนี้ จะเน้นกระบวนการออกแบบ (Design Process) เพื่อแก้ปัญหา (Problem Solving) ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ (Creative Solution) ตัวอย่างเช่น 

Corporate/Branding Identity 

คือ การใช้ Graphic Design สร้างภาพลักษณ์ขององค์กร หรือตราสินค้า อย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่การสร้างโลโก้ ไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในสาขาต่าง ๆ โดยผลงานในสาขานี้ มักเน้นการใช้งานที่ยั่งยืน ผลงานอาจไม่หวือหวา แต่ในระยะยาวผลงานที่ดีจะไร้กาลเวลา อยู่เหนือยุคสมัย

Visual Campaign 

คือ การใช้ Graphic Design เพื่อกระตุ้นการรับรู้ ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยมีประเด็นหรือวาระที่ชัดเจน เช่น งานอีเวนท์โปรโมทภาพยนตร์ หรือการแสดงดนตรี งานแคมเปญโฆษณาโปรโมทเทศกาลฟุตบอลโลก

Packaging Design 

คือ การใช้ Graphic Design ผสมผสานกับ Product Design โดยบทบาทของงาน Graphic Design จะช่วยในการสร้างความแตกต่าง สร้างการจำจด โดยจะเชื่อมโยงกับ Branding

Editorial Design 

คือ การจัดการเนื้อหาที่เน้นข้อมูลให้ออกมาน่าสนใจสวยงามตามคอนเซ็ปต์ และเนื้อหาที่ออกมาในรูปแบบของสื่อสิ่งพิมพ์ โดยจำเป็นต้องผสมผสานเทคนิคการผลิตจริง เช่น เทคนิคการพิมพ์ประเภทของกระดาษ ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อสร้างคุณค่า และสร้างประสบการณ์ทางผิวสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ของงานสื่อสิ่งพิมพ์ที่สื่อดิจิทัลไม่สามารถแทนที่ได้

Environmental Graphic 

การออกแบบที่เน้นฟังก์ชั่นที่สัมพันธ์กับบริบท ให้ความสำคัญเรื่องขนาดที่สอดคล้องกับลักษณะการใช้งานในสภาพแวดล้อมจริง ๆ เช่น ป้ายบอกทาง ป้ายสัญลักษณ์ต่าง ๆ

UI/Interaction Design 

การออกแบบในรูปแบบ Digital Content โดยรองรับบนอุปกรณ์ที่ใช้งาน เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ โดยการออกแบบประเภทนี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ Human Computer Interaction ซึ่งก็ คือ การเข้าใจพฤติกรรม และธรรมชาติในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ สะดวก และรวดเร็วที่สุด รวมทั้งเรื่องความสวยงามและมีเอกลักษณ์ในงานออกแบบ

Motion Graphics Design 

คือ การนำผลงาน Graphic Design มาสร้างการเคลื่อนไหว ผลงานที่ได้จะมีความหลากหลาย เปลี่ยนไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น Motion Infographics, Character Animation หรือ Title Design

Adobe Creative Cloud

รู้จักประเภทของงานไปแบบคร่าว ๆ กันแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเริ่มต้นทำความรู้จักกับเครื่องมือที่เหล่า Graphic Designer ใช้เพื่อเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ในหัว หรือสิ่งที่สเก็ตในกระดาษให้ออกมาเป็นรูปธรรม และให้อยู่ในรูปแบบ Digital Media เพื่อสามารถนำมาต่อยอดเพื่อใช้สำหรับ Platform ต่าง ๆ แน่นอนว่าเครื่องมือสุดฮิตของเหล่า Graphic Designer ทั่วโลกก็คือโปรแกรมที่ช่วยในการออกแบบของ Adobe หรือ Adobe Creative Cloud

https://www.youtube.com/watch?v=iPXPI5UTF_c

Adobe Photoshop 

เชื่อได้เลยว่าไม่มี Graphic Designer คนไหนที่ไม่เคยผ่านด่านPhotoshop เพราะเจ้าโปรแกรมที่แทบไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อตัวนี้นี่แหละ ที่เป็นด่านแรก ๆ สำหรับการเข้าสู่วงการความสามารถของตัวโปรแกรมหลัก ๆ ก็คือการสร้างภาพ การตัดต่อ และตกแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ในภาพรวมทั้งใส่เอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ

Adobe Illustrator

ถือเป็นด่านต่อมาสำหรับผู้ที่เริ่มมีพื้นฐาน และเริ่มอยากสร้างผลงานประเภท Character Design, Logo และ Infographic ต่าง ๆ รวมทั้งสำหรับสาย Environmental Graphic ที่ทำงานด้านป้ายบอกทาง และสัญลักษณ์ต่าง ๆ โดยจุดเด่นของ Illustrator คือการสร้างภาพในรูปแบบ Vector เป็นงานมีความคมชัด โดยภาพที่ได้จะเป็นไฟล์ภาพขนาดใหญ่เมื่อนำไปขยายภาพจะไม่แตก โดยสามารถสร้าง Character ที่ดูบนหน้าจอมือถือไปจนถึงขนาดภาพบิลบอร์ดบนตึก แต่โปรแกรมจะไม่สามารถตกแต่งภาพได้แบบ Photoshop 

Adobe Indesign

สำหรับผู้ที่เริ่มมีความสนใจเฉพาะด้านมากขึ้น  โดยโปรแกรมจะเด่นด้านจัด Layout ต่าง ๆ การจัดการตัวหนังสือ หรือ Text การตั้งค่าหน้ากระดาษ และคุณสมบัติต่าง ๆ ที่มีจำนวนมาก ซึ่งจะสะดวกกว่าการจัด Layout ด้าย Photoshop หรือ Illustrator โดยผลงานส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบงานจัดหน้าหนังสือหรือนิตยสารทั้งแบบรูปเล่ม และแบบดิจิทัล

Adobe After Effects

สำหรับคนที่ต้องการนำภาพที่สร้างจาก Photoshop และ Illustrator มาสร้างภาพเคลื่อนไหว รวมทั้งสามารถใส่ Effect ต่าง ๆ ให้กับภาพได้ ผลงานที่ถูกสร้างขึ้นด้วยโปรแกรมนี้ก็คืองานจำพวก Motion Graphic, Motion Infographic เป็นต้น